พิสูจน์ความมันส์กับการกระโจนตามลำน้ำเข็ก
ฝ่า 18 แก่งเดือด
ลำน้ำเข็ก
ข้อมูลท่องเที่ยว
จากพิษณุโลก ใช้เส้นทางหลวง 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ประมาณ 44 กม. จนถึงบริเวณแก่งซองจะเป็นจุดบริการล่องแก่ง
ตำแหน่ง GPS
N16° 52.01’, E100° 37.89’
ติดต่อ
ททท สำนักงานพิษณุโลก
0 5525 2742-3
ชมรมล่องแก่งพิษณุโลก
08 7210 3843
สิ่งอำนวยความสะดวก
เจ้าหน้าที่นำเที่ยว เรือยาง ที่พัก ลานกางเต็นท์ ร้านอาหาร ห้องน้ำ ที่จอดรถ
ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก กำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ทางด้านอ.เขาค้อ แล้วไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงและเทือกเขาที่ลดหลั่นเป็นลำดับจึงมีน้ำตกและเกาะแก่งมากมาย เช่น น้ำตกศรีดิษฐ์ น้ำตกแก่งโสภาที่เลื่องชื่อของพิษณุโลก น้ำตกปอย น้ำตกแก่งซอง น้ำตกสกุโณทยาน สำหรับการล่องแก่งลำน้ำเข็กจะมีระยะทาง 7-8 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องประมาณ 2-3 ชั่วโมง จุดเด่นของลำน้ำเข็กคือจะขนานไปกับทางหลวงหมายเลข 12 จึงทำให้การเข้าถึงสะดวก สามารถเลือกจุดขึ้นลงได้ตามความเหมาะสมตลอดเส้นทาง ท่านจะได้สัมผัสถึงความสนุกสนาน ตื่นเต้นเร้าใจตลอดเวลาที่อยู่บนเรือยาง พร้อมทั้งยังจะได้ชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำที่ถูกปกคลุมไปด้วยไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น และผ่านเกาะแก่งมากมายที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไปตั้งแต่ระดับ 1-5 ตลอดเส้นทางสลับกันรวมทั้งหมด 18 แก่ง
จุดเริ่มต้นของการล่องแก่งลำน้ำเข็กคือ “แก่งท่าข้าม” เป็นแก่งน้ำขนาดเล็ก พอให้นักล่องแก่งได้ฝึกหัดบังคับเรือยางสร้างความคุ้นเคยกับการล่องแก่งลำน้ำเข็ก ก่อนที่จะลุ้นระทึกแก่งต่อไปกับ “แก่งไทร” เป็นระดับความยากอยู่ที่ระดับ 3-4 กระแสน้ำช่วงนี้จะไหลแยกออกเป็นสองทาง จากนั้นเรือยางก็จะล่องผ่าน “แก่งเวฟ” และ “แก่งพนาวัลย์” จนถึง “แก่งมรดกป่า” ที่ต้องออกแรงเสียเหงื่อและใช้ทักษะในการบังคับเรือพอสมควรก่อนที่จะล่องไปที่ “แก่งปากยาง” มีความยาวประมาณ 100 เมตร ความยากของแก่งนี้อยู่ที่ระดับ 2-3 แล้วแต่ความรุนแรง
ของกระแสน้ำ แก่งปากยางนี้จะมีน้ำตกเล็กๆ ที่ลดระดับของชั้นหินขวางอยู่ทั้งลำน้ำ เมื่อผ่านแก่งนี้ไปก็จะเข้าสู่ “แก่งหินลาด” “แก่งวังตะเคียน” และ “แก่งสบยาง” ช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะสนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง เนื่องจากเป็นแก่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องยึดตัวให้อยู่บนเรือ ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกกระแสน้ำซัดตกเรือ หรือกระเด็นไปอยู่หัวเรือ-ท้ายเรือได้ เพราะแก่งนี้มีกระแสน้ำที่ค่อนข้างรุนแรง
จากนั้นล่องต่อไปยัง “แก่งสวนรัชมังคลา” ซึ่งแก่งนี้จะเป็นแก่งที่สนุกสนานอีกแก่ง เพราะนักท่องเที่ยวต้องบังคับเรือยางผ่านโขดหินเล็กที่เรียงรายกันอยู่กลางน้ำ แก่งนี้ถ้าเป็นช่วงที่มีน้ำขึ้นจะมีคลื่นสูงถึง 1 เมตร ผ่านจุดนี้ไปก็เข้าสู่ “แก่งซาง” เป็นอีกแก่งหนึ่งที่เป็นลักษณะของลานหินกว้าง ลดหลั่นกันลงไปตามระดับแต่ละช่วง แก่งนี้จึงมีความยากอยู่ในระดับ4-5 เลยทีเดียว จากนั้นจะเจอ “แก่งโสภาราม” เป็นแก่งคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาคล้ายตัวเอส ความรุนแรงของกระแสน้ำไม่มากนัก แต่นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายเรือยางค่อนข้างสูง ก่อนเข้าสู่ “แก่งนางคอย” ซึ่งอยู่ห่างจากแก่งซางระยะทางไม่ไกลกันเท่าใดนัก ลักษณะของแก่งจะค่อยๆ ลดระดับลงมาเป็นชั้นๆ ในบางครั้ง กระแสน้ำที่ไหลกระทบกับชั้นหินของแก่งนางคอยจะมีความสูงเกือบสองเมตรเลยทีเดียว ดังนั้น ในการล่องเรือยางผ่านแก่งนางคอยนั้นนักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายสูง มิฉะนั้นโขดหินและเกาะแก่งต่างๆ ที่อยู่ใต้น้ำ อาจจะทำให้เรือพลิกคว่ำได้ง่ายๆ
ต่อด้วย “แก่งยาว” ซึ่งมีความยาวถึง 100 เมตรสมกับชื่อของแก่ง โดยกระแสน้ำจะไหลผ่านโขดหินตลอดจนเกาะแก่งที่จมอยู่ใต้น้ำมากมายในช่วงฤดูฝน ในบางช่วงของแก่งกระแสน้ำอาจจะลดระดับลาดเอียงเทลงอย่างน่าใจหาย นักล่องแก่งจะต้องใช้ทักษะในการพายเรือผ่านแก่งนี้ค่อนข้างสูง เมื่อผ่านแก่งยาวไปได้แล้วแก่งต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่นั้นไม่ว่าจะเป็น “แก่งคงสัก” “แก่งวังน้ำเย็น”และอีกหลายๆ แก่งที่มีความยากอยู่ที่ระดับ 2-3หรือ 3-4 เท่านั้น โดยแก่งทั้งหมดที่เหลือนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถกระโดดลงน้ำไปลอยคอ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้เย็นสบายใจจนมาถึง “แก่งทับขุนไทร” ซึ่งเป็นแก่งสุดท้ายก่อนจะขึ้นฝั่งกัน
แนะนำ
"อย่าลืมแวะชิมกาแฟแก่งซองซึ่งเป็นกาแฟท้องถิ่นพันธุ์อาราบิก้าต้นตำรับแท้ๆ ที่มีความเข้มข้น หอมละมุน เป็นกาแฟขึ้นชื่อของจังหวัดพิษณุโลก นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารขึ้นชื่ออีกมากมายที่เปิดเลียบริมแม่น้ำเข็กรอรับนักท่องเที่ยวให้แวะมาลองชิมรสปลาแม่น้ำสดๆ"
ขอความร่วมมือ
"เมื่ออยู่บนเรือ ควรเชื่อฟังคำสั่งของนายท้ายเรือ ในส่วนของการล่องแก่ง หากเรือติดหิน ให้ถ่ายน้ำหนักไปด้านตรงข้าม แต่หากติดไม้ ให้ถ่ายน้ำหนักไปด้านที่ติด"
ข้อควรระวัง
"หลีกเลี่ยงการล่องแก่งช่วงฤดูน้ำหลาก"